ข้อบังคับสมาคมศัลยแพทย์ทั่วไปแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์


ข้อบังคับ
ของ
สมาคมศัลยแพทย์ทั่วไปแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์

ฉบับแก้ไข ครั้งที่ ๓ (๒๕๕๑)


..................................................

หมวดที่ ๑

ข้อ ๑.  สมาคมนี้มีชื่อว่า  สมาคมศัลยแพทย์ทั่วไปแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์  ย่อว่า  สศท  เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า ASSOCIATION OF GENERAL SURGEONS OF THAILAND UNDER THE ROYAL PATRONAGE OF HIS MAJESTY THE KING ย่อว่า AGST

ข้อ ๒.  เครื่องหมายของสมาคมมีลักษณะเป็นรูป  งูพันลูกศร อยู่ภายในวงกลมสีแดง ระบุปีพุทธศักราช ๒๕๔๔ ซึ่งเป็นปีที่ก่อตั้งสมาคม วงกลมสีน้ำเงินมีชื่อสมาคมภาษาไทย ขอบวงกลมสีเหลือง มีชื่อสมาคมภาษาอังกฤษมีความหมายว่า
    ❖ “งู”  เป็นสัญลักษณ์ของเทพเจ้าแห่งแพทย์ที่ใช้มาแต่โบราณ
    ❖ “ลูกศร”  เป็นอาวุธที่แหลมคม ใช้ในการต่อสู้เพื่อขจัดปัญหา ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น และสามารถทำให้ชีวิตอยู่รอดปลอดภัยได้
         ในความหมายรวมจึงหมายถึง แพทย์ผู้ซึ่งได้ใช้ของแหลมคมซึ่งหมายถึง ศัลยแพทย์ในการขจัดปัญหาต่าง ๆ ให้กับผู้ป่วยได้อยู่รอดปลอดภัย

รูปของเครื่องหมายสมาคม


ข้อ ๓.  สำนักงานของสมาคมตั้งอยู่ ณ เลขที่ ๒ อาคารเฉลิมพระบารมี ๕๐ ปี ชั้นที่ 11 ซอยศูนย์วิจัย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่  แขวงบางกะปิ  เขตห้วยขวาง  กรุงเทพมหานคร  ๑๐๓๒๐

ข้อ ๔.  วัตถุประสงค์ของสมาคม เพื่อ
           ๔.๑ ส่งเสริมและสนับสนุนงานของราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย ในการกำหนดแนวทางและมาตรฐานการประกอบวิชาชีพของศัลยแพทย์
           ๔.๒ ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดระบบและหลักสูตรการศึกษาต่อเนื่องของศัลยแพทย์ให้ทันสมัยและเหมาะสม
           ๔.๓ ส่งเสริมและสนับสนุนการฝึกอบรมหลักสูตรศัลยศาสตร์
           ๔.๔ ส่งเสริมแพทยศาสตรศึกษา การวิจัยและการบริการด้านศัลยศาสตร์ทั้งในและต่างประเทศ
           ๔.๕ ส่งเสริมและกำกับดูแลสมาชิกด้านคุณธรรมและจริยธรรมในการประกอบวิชาชีพ
           ๔.๖ เสริมสร้างเครือข่ายการร่วมมือช่วยเหลือกันระหว่างมวลสมาชิกศัลยแพทย์และผู้ร่วมวิชาชีพ
           ๔.๗ ดำเนินการประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ความรู้ด้านศัลยศาสตร์แก่ประชาชนอย่างสม่ำเสมอ
           ๔.๘ ส่งเสริมและสนับสนุนการให้บริการด้านศัลยศาสตร์ที่มีคุณภาพแก่ประชาชน
           ๔.๙ เสริมสร้างและสนับสนุนการดำเนินงานของชมรมต่างๆ ภายใต้การกำกับดูแลของสมาคมฯ และสมาคมวิชาชีพอื่นๆ

 

หมวดที่ ๒
สมาชิก

ข้อ ๕.  สมาชิกของสมาคมมี ๔ ประการ คือ
           ๕.๑ สมาชิกสามัญ ได้แก่ สมาชิกที่เป็นศัลยแพทย์ ซึ่งได้รับใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมจากแพทยสภา และได้รับวุฒิบัตรหรือหนังสืออนุมัติฯด้านศัลยศาสตร์จากแพทยสภา หรือได้วุฒิบัตรด้านศัลยศาสตร์ จากต่างประเทศที่แพทยสภารับรอง
           ๕.๒ สมาชิกวิสามัญ ได้แก่
                    ๕.๒.๑ สมาชิกที่ได้รับใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมจากแพทยสภา และผ่านการฝึกอบรมในประเทศหรือต่างประเทศครบตามหลักสูตรหรือตามเกณฑ์ด้านศัลยศาสตร์ที่แพทยสภารับรองแต่ยังไม่ได้รับวุฒิบัตรหรือหนังสืออนุมัติ
                    ๕.๒.๒ สมาชิกที่ผ่านการฝึกอบรมครบตามหลักสูตรศัลยศาสตร์จากต่างประเทศที่แพทยสภารับรอง แต่ยังไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมจากแพทยสภา
           ๕.๓ ยุวสมาชิก ได้แก่ สมาชิกที่เป็นแพทย์ประจำบ้านด้านศัลยศาสตร์หรือเทียบเท่าจากสถาบันการฝึกอบรมที่แพทยสภารับรอง

๕.๔ สมาชิกกิตติมศักดิ์ ได้แก่ บุคคลที่ทรงเกียรติหรือทรงคุณวุฒิ หรือผู้มีอุปการคุณแก่สมาคม  ซึ่ง คณะกรรมการบริหารอย่างน้อย ๓ ใน ๔ ลงมติให้เชิญเป็นสมาชิกของสมาคม                      

๕.๕ สมาชิกสมทบ ได้แก่ สมาชิกที่ได้รับใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมจากแพทยสภา ผ่านการฝึกอบรมในสาขาที่มิใช่สาขาศัลยศาสตร์จากทั้งในและต่างประเทศและเป็นสมาชิกชมรมวิชาชีพทางการแพทย์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสมาคมฯ
            
ข้อ ๖.  สมาชิกจะต้องประกอบด้วยคุณสมบัติ  ดังต่อไปนี้
           ๖.๑ เป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว
           ๖.๒ เป็นผู้มีความประพฤติเรียบร้อย
           ๖.๓ ไม่เป็นโรคที่สังคมรังเกียจ
           ๖.๔ ไม่ต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้เป็นบุคคลล้มละลาย หรือไร้ความสามารถ หรือ เสมือนไร้ความสามารถ หรือต้องโทษจำคุก  ยกเว้นความผิดฐานประมาท หรือลหุโทษ การต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุด  ในกรณีดังกล่าวจะต้องเป็นในขณะที่สมัครเข้าเป็นสมาชิกหรือในระหว่างที่เป็นสมาชิกของสมาคมเท่านั้น

ข้อ ๗.  ค่าลงทะเบียนและค่าบำรุงสมาคม
           ๗.๑ สมาชิกสามัญ    จะต้องเสียค่าลงทะเบียนครั้งแรก ๒,๐๐๐.๐๐ บาท
                                          หรือค่าบำรุงเป็นรายปี ๆ ละ ๒๐๐.๐๐ บาท
           ๗.๒ สมาชิกวิสามัญ   จะต้องเสียค่าลงทะเบียนครั้งแรก ๒,๐๐๐.๐๐ บาท
                                          หรือเสียค่าบำรุงเป็นรายปี ๆ ละ ๒๐๐.๐๐ บาท
           ๗.๓ ยุวสมาชิกและสมาชิกกิตติมศักดิ์ และสมาชิกสมทบไม่ต้องชำระค่าบำรุง

ข้อ ๘.  การสมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม  ให้ผู้ประสงค์จะสมัครยื่นใบสมัครตามแบบของสมาคมต่อเลขาธิการ  โดยมีสมาชิกสามัญรับรองอย่างน้อย ๑ คน และให้เลขาธิการติดประกาศรายชื่อผู้สมัครไว้ ณ  สำนักงานของสมาคม  เป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๑๕ วัน เพื่อให้สมาชิกอื่น ๆ ของสมาคมจะได้คัดค้านการ สมัครนั้น เมื่อครบกำหนดประกาศแล้ว ก็ให้เลขาธิการนำใบสมัครและหนังสือคัดค้านของสมาชิก (ถ้ามี) เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาอนุมัติว่า จะรับหรือไม่รับเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมและเมื่อคณะกรรมการพิจารณาการสมัครแล้ว  ผลเป็นประการใดให้เลขาธิการเป็นผู้แจ้งให้ผู้สมัครทราบโดยเร็ว

ข้อ ๙.  ถ้าคณะกรรมการพิจารณาอนุมัติให้รับผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิก  ก็ให้ผู้สมัครนั้นชำระเงินค่าลงทะเบียนและค่าบำรุงสมาคมให้เสร็จภายใน ๓๐ วัน  นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากเลขาธิการและสมาชิกภาพของ
ผู้สมัครให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่ผู้สมัครได้ชำระเงินค่าลงทะเบียนและค่าบำรุงสมาคมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าผู้สมัครไม่ชำระเงินค่าลงทะเบียนและค่าบำรุงภายในกำหนด ก็ให้ถือว่าการสมัครคราวนั้นเป็นอันยกเลิก                      
          
ข้อ ๑๐. สมาชิกภาพของสมาชิกกิตติมศักดิ์ ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่หนังสือตอบรับคำเชิญของผู้ที่คณะกรรมการได้พิจารณาลงมติให้เชิญเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม  ได้มาถึงยังสมาคม

ข้อ ๑๑.  สมาชิกภาพของสมาชิกให้สิ้นสุดลงด้วยเหตุดังต่อไปนี้
             ๑๑.๑ ตาย
             ๑๑.๒ ลาออก โดยยื่นหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคณะกรรมการ และคณะกรรมการได้พิจารณาอนุมัติและสมาชิกผู้นั้นได้ชำระหนี้สินที่ยังติดค้างอยู่กับสมาคมเป็นที่เรียบร้อย
              ๑๑.๓ ขาดคุณสมบัติสมาชิก
              ๑๑.๔ ที่ประชุมใหญ่ของสมาชิกหรือคณะกรรมการได้พิจารณาลงมติให้ลบชื่อออกจากทะเบียน เพราะสมาชิกผู้นั้นได้ประพฤตินำความเสื่อมเสียมาสู่สมาคม

ข้อ ๑๒.  สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก
              ๑๒.๑   มีสิทธิเข้าใช้สถานที่ของสมาคมโดยเท่าเทียมกัน
              ๑๒.๒   มีสิทธิเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการของสมาคมต่อคณะกรรมการ
              ๑๒.๓   มีสิทธิได้รับสวัสดิการต่าง ๆ ที่สมาคมได้จัดให้มีขึ้น
              ๑๒.๔   มีสิทธิเข้าร่วมประชุมของสมาคม
              ๑๒.๕   สมาชิกสามัญมีสิทธิในการเลือกตั้งหรือได้รับการเลือกตั้ง หรือแต่งตั้งเป็นกรรมการสมาชิกและมีสิทธิออกเสียงลงมติต่าง ๆ ในที่ประชุมได้คนละ ๑ คะแนนเสียง
              ๑๒.๖   มีสิทธิร้องขอต่อคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบเอกสารและบัญชีทรัพย์สินของสมาคม
              ๑๒.๗   มีสิทธิเข้าชื่อรวมกันอย่างน้อย ๑ ใน ๕ ของสมาชิกสามัญทั้งหมด หรือสมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่า  ๑๐๐ คน ทำหนังสือร้องขอต่อคณะกรรมการให้จัดประชุมวิสามัญได้
              ๑๒.๘   มีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติ และข้อบังคับของสมาคมโดยเคร่งครัด
              ๑๒.๙   มีหน้าที่ประพฤติตนให้สมกับเกียรติที่เป็นสมาชิกของสมาคม
              ๑๒.๑๐ มีหน้าที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินกิจการต่าง ๆ ของสมาคม
              ๑๒.๑๑ มีหน้าที่ร่วมกิจกรรมที่สมาคมได้จัดให้มีขึ้น
              ๑๒.๑๒ มีหน้าที่ช่วยเผยแพร่ชื่อเสียงของสมาคมให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย



หมวดที่ ๓
การดำเนินกิจการสมาคม

ข้อ ๑๓.  ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง ทำหน้าที่บริหารกิจการของสมาคม ประกอบด้วยคณะกรรมการส่วนหนึ่งซึ่งมาจากการเลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี มีจำนวนอย่างน้อย ๗ คน  อย่างมากไม่เกิน ๒๕ คน  และให้ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเลือกนายกสมาคม ๑ คน และอุปนายก ๑ คน สำหรับตำแหน่งกรรมการในตำแหน่งอื่น ๆ ให้นายกเป็นผู้แต่งตั้งจากผู้ที่ได้รับเลือกตั้งจากที่ประชุมเข้าดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ของสมาคม ตามที่ได้กำหนดไว้ และกรรมการอีกส่วนหนึ่งมาจากผู้แทนของชมรมภายใต้การกำกับดูแลของสมาคมฯ กรรมการสมาคมที่มาจากการเลือกตั้ง มีตำแหน่งและหน้าที่โดยสังเขปดังต่อไปนี้
              ๑๓.๑ นายกสมาคม   ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าในการบริหารกิจการของสมาคม คณะกรรมการของสมาคมเป็นผู้แทนสมาคมในการติดต่อกับบุคคลภายนอกและทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมคณะกรรมการ และการประชุมของสมาคม                                         
             ๑๓.๒ อุปนายก          ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนายกสมาคมในการบริหารกิจการสมาคมปฏิบัติตามหน้าที่นายกสมาคมได้มอบหมายและทำหน้าที่แทนนายกสมาคม เมื่อนายกสมาคมไม่อยู่  หรือไม่สามารถจะปฏิบัติหน้าที่ได้แต่การทำหน้าที่แทนนายกสมาคม ให้อุปนายกตามลำดับตำแหน่งเป็นผู้กระทำการแทน
              ๑๓.๓ เลขาธิการ      ทำหน้าที่เกี่ยวกับงานธุรการของสมาคมทั้งหมดเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของสมาคมในการปฏิบัติกิจการของสมาคมและปฏิบัติตามคำสั่งของนายกสมาคม ตลอดจนทำหน้าที่เป็นเลขาธิการในการประชุมต่างๆของสมาคม   
              ๑๓.๔ เหรัญญิก        มีหน้าที่เกี่ยวกับการเงินทั้งหมดของสมาคม เป็นผู้จัดทำบัญชีรายรับ รายจ่าย บัญชีงบดุลของสมาคม  และเก็บเอกสารหลักฐานต่าง ๆ  ของสมาคมไว้เพื่อตรวจสอบ
              ๑๓.๕ ปฏิคม            มีหน้าที่ในการให้การต้อนรับแขกของสมาคม เป็นหัวหน้าในการจัดเตรียมสถานที่ของสมาคม  และจัดเตรียมสถานที่ประชุมต่าง ๆ  ของสมาคม
              ๑๓.๖ นายทะเบียน    มีหน้าที่เกี่ยวกับทะเบียนสมาชิกทั้งหมดของสมาคมประสานงานกับเหรัญญิกในการเรียกเก็บเงินค่าบำรุงสมาคมจากสมาชิก
              ๑๓.๗ ประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่เผยแพร่กิจการและชื่อเสียงเกียรติคุณของสมาคมให้สมาชิกและบุคคลโดยทั่วไปให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย
              ๑๓.๘ กรรมการตำแหน่งอื่นๆ   ตามความเหมาะสม ซึ่งคณะกรรมการเห็นสมควรกำหนดให้มีขึ้นโดยมีจำนวนเมื่อรวมกับตำแหน่งกรรมการตามข้างต้นแล้วจะต้องไม่เกินจำนวนที่ข้อบังขับได้กำหนดไว้ แต่ถ้าคณะกรรมการมิได้กำหนดตำแหน่งก็ถือว่าเป็นกรรมการกลาง
                        คณะกรรมการชุดแรก ให้ผู้เริ่มการจัดตั้งสมาคมเป็นผู้เลือกตั้ง  ประกอบด้วยนายกสมาคมและกรรมการอื่นๆ  ตามจำนวนที่เห็นสมควรตามข้อบังคับของสมาคม

ข้อ ๑๔.  คณะกรรมการของสมาคมสามารถอยู่ในตำแหน่งได้คราวละ ๒ ปี  และเมื่อคณะกรรมการอยู่ในตำแหน่งครบกำหนดตามวาระแล้ว แต่คณะกรรมการชุดใหม่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการ ก็ให้คณะกรรมการที่ครบกำหนดตามวาระรักษาการไปพลางก่อน จนกว่าคณะกรรมการชุดใหม่จะได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ให้ทำการส่งและรับมอบงานกันระหว่างคณะกรรมการชุดเก่าและคณะกรรมการชุดใหม่ให้เป็นที่เสร็จสิ้นภายใน ๓๐ วัน นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการชุดใหม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการ

ข้อ ๑๕.  ตำแหน่งกรรมการสมาคม  ถ้าต้องว่างลงก่อนครบกำหนดตามวาระก็ให้คณะกรรมการแต่งตั้งสมาชิกสามัญคนใดคนหนึ่งที่เห็นสมควรเข้าดำรงตำแหน่งแทนตำแหน่งที่ว่างลงนั้น แต่ผู้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งได้เท่ากับวาระของผู้ที่ตนแทนเท่านั้น

ข้อ ๑๖.  กรรมการอาจจะพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งมิใช่เป็นการออกตามวาระด้วยเหตุผลต่อไปนี้ คือ
             ๑๖.๑  ตาย
             ๑๖.๒  ลาออก
             ๑๖.๓  ขาดจากสมาชิกภาพ
             ๑๖.๔  ที่ประชุมใหญ่ลงมติให้ออกจากตำแหน่ง

ข้อ ๑๗.  กรรมการที่ประสงค์จะลาออกจากตำแหน่งกรรมการให้ยื่นใบลาออกเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคณะกรรมการ และให้พ้นจากตำแหน่งเมื่อคณะกรรมการมีมติให้ออก

ข้อ ๑๘.  อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ
            ๑๘.๑  ออกระเบียบปฏิบัติต่าง ๆ เพื่อให้สมาชิกได้ปฏิบัติ โดยระเบียบปฏิบัตินั้น จะต้องไม่ขัดต่อข้อบังคับฉบับนี้
             ๑๘.๒  แต่งตั้งและถอดถอนเจ้าหน้าที่ของสมาคม
             ๑๘.๓  แต่งตั้งกรรมการที่ปรึกษา หรืออนุกรรมการได้ แต่กรรมการที่ปรึกษาหรืออนุกรรมการ จะสามารถอยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกินวาระของคณะกรรมการที่แต่งตั้ง

 ๑๘.๔  เรียกประชุมใหญ่สามัญประจำปี และประชุมวิสามัญ
             ๑๘.๕  มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการในตำแหน่งอื่น ๆ ที่ยังมิได้กำหนดไว้ในข้อบังคับนี้
             ๑๘.๖  มีอำนาจบริหารกิจการของสมาคม  เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ตลอดจนมีอำนาจอื่น ๆ ตามที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้
             ๑๘.๗  มีหน้าที่รับผิดชอบในกิจการทั้งหมด รวมทั้งการเงิน และทรัพย์สินทั้งหมดของสมาคม
             ๑๘.๘  มีหน้าที่จัดให้มีการประชุมวิสามัญ ตามที่สมาชิกสามัญจำนวน ๑ ใน ๕ ของสมาชิกทั้งหมดได้เข้าชื่อร้องขอให้จัดประชุมวิสามัญขึ้น ซึ่งการนี้จะต้องจัดให้มีการประชุมวิสามัญขึ้นภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือร้องขอ
             ๑๘.๙  มีหน้าที่จัดทำเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ทั้งที่เกี่ยวกับการเงิน ทรัพย์สินและการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆของสมาคมให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ และสามารถจะให้สมาชิกตรวจดูได้เมื่อสมาชิกร้องขอ
             ๑๘.๑๐ จัดทำบันทึกการประชุมต่าง ๆ ของสมาคม เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานและจัดส่งให้สมาชิกได้รับทราบ

ข้อ ๑๙.  คณะกรรมการจะต้องประชุมเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับการบริหารกิจการของสมาคมอย่างน้อยเดือนละ ๑ ครั้ง

ข้อ ๒๐.  การประชุมคณะกรรมการ จะต้องมีกรรมการเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมด จึงจะถือว่าครบองค์ประชุม  มติของที่ประชุมคณะกรรมการ ถ้าข้อบังคับมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ให้ถือคะแนนเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์  แต่ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในการประชุมเป็นผู้ชี้ขาด

ข้อ ๒๑.  ในการประชุมคณะกรรมการ ถ้าทั้งนายกสมาคม,อุปนายกสมาคม และเลขาธิการ ไม่อยู่ในที่ประชุม หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการที่เข้าประชุมในคราวนั้นเลือกตั้งกันเอง เพื่อให้กรรมการคนใดคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมคราวนั้น

 

หมวดที่ ๔
การประชุม

ข้อ ๒๒.  การประชุมของสมาคมมี ๒ ชนิด
              ๒๒.๑  ประชุมใหญ่สามัญ
              ๒๒.๒  ประชุมวิสามัญ

ข้อ ๒๓.  คณะกรรมการจะต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ๆ ละ ๑ ครั้ง               

ข้อ ๒๔.  การประชุมวิสามัญ  อาจจะมิขึ้นได้ก็โดยเหตุที่คณะกรรมการเห็นควรจัดให้มีขึ้น  หรือเกิดขึ้นด้วยการเข้าชื่อร่วมกันของสมาชิกไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๕ ของสมาชิกสามัญทั้งหมดหรือสมาชิกสามัญจำนวนไม่น้อยกว่า ๑๐๐ คน ทำหนังสือร้องขอต่อคณะกรรมการให้จัดให้มีขึ้น

ข้อ ๒๕.  การแจ้งกำหนดนัดประชุมให้เลขานุการเป็นผู้แจ้งกำหนดนัดประชุมให้สมาชิกได้ทราบ และการแจ้งจะต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร โดยระบุวัน เวลา และสถานที่ให้ชัดเจน โดยจะแจ้งให้สมาชิกได้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๗ วัน ก่อนถึงกำหนดการประชุม

ข้อ ๒๖.  การประชุมใหญ่สามัญประจำปี จะต้องมีวาระการประชุมอย่างน้อยดังต่อไปนี้
              ๒๖.๑  แถลงกิจการที่ผ่านมาในรอบปี
              ๒๖.๒  แถลงบัญชีรายรับ รายจ่าย และบัญชีงบดุลของปีที่ผ่านมาให้สมาชิกรับทราบ
              ๒๖.๓  เลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ เมื่อครบกำหนดวาระ
              ๒๖.๔  เลือกตั้งผู้สอบบัญชี
              ๒๖.๗  เรื่องอื่น ๆ ถ้ามี

ข้อ ๒๗.  ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี จะต้องมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิกสามัญทั้งหมดหรือสมาชิกไม่น้อยกว่า 30 คน จึงจะถือว่าครบองค์ประชุม แต่ถ้าเมื่อถึงกำหนดเวลาประชุมยังมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่ครบองค์ประชุม ให้คณะกรรมการของสมาคม เรียกประชุมใหญ่อีกครั้งหนึ่งโดยจัดให้มีการประชุมขึ้นภายใน ๑๔ วัน นับแต่วันที่นัดประชุมครั้งแรก สำหรับการประชุมในครั้งหลังนี้ถ้ามีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมเป็นจำนวนเท่าใด ก็ให้ถือว่าครบองค์ประชุม
              ส่วนการประชุมวิสามัญ จะต้องมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๓ ของสมาชิกทั้งหมดจึงจะถือว่าครบองค์ประชุม แต่ถ้าเมื่อถึงกำหนดเวลาประชุมยังมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุม ไม่ครบองค์ประชุม ให้ถือว่าการประชุมเป็นอันยกเลิก    

ข้อ ๒๘.  การลงมติต่าง ๆ ในที่ประชุม ถ้าข้อบังคับมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ก็ให้ถือคะแนนเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์  แต่ถ้าคะแนนเสียงที่ลงมติมีคะแนนเสียงเท่ากัน ก็ให้ประธานในการประชุมเป็นผู้ชี้ขาด

ข้อ ๒๙.  ในการประชุมของสมาคม ถ้านายกสมาคม และอุปนายกสมาคมไม่มาร่วมประชุมหรือไม่สามารถจะปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ให้ที่ประชุมทำการเลือกตั้งกรรมการที่มาร่วมประชุมคนใดคนหนึ่ง ให้ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมคราวนั้น

 

หมวดที่ ๕
การเงินและทรัพย์สิน

ข้อ ๓๐.  การเงินและทรัพย์สินทั้งหมดให้อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการ เงินสดสมาคมถ้ามีให้นำฝากไว้ในธนาคารพาณิชย์

ข้อ ๓๑.  การลงนามในตั๋วเงินหรือเช็คของสมาคม จะต้องมีลายชื่อของนายกสมาคม หรือผู้ทำการแทนลงนามร่วมกับเหรัญญิก หรือเลขาธิการ พร้อมกับประทับตราของสมาคมจึงจะถือว่าใช้ได้

ข้อ ๓๒.  ให้นายกสมาคมมีอำนาจสั่งจ่ายเงินของสมาคมได้ครั้งละไม่เกิน ๕,๐๐๐.๐๐ บาท (ห้าพันบาทถ้วน) ถ้าเกินกว่านั้นจะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการและคณะกรรมการจะอนุมัติให้จ่ายเงินได้ครั้งละไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน) ถ้าจำเป็นจะต้องจ่ายเกินกว่านี้ ต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมของสมาคม

ข้อ ๓๓.  ให้เหรัญญิก มีอำนาจเก็บรักษาเงินสดของสมาคมได้ไม่เกิน ๒๐,๐๐๐.๐๐  บาท (สองหมื่นบาทถ้วน) ถ้าเกินกว่าจำนวนนี้ จะต้องนำฝากธนาคารในบัญชีของสมาคมทันทีที่โอกาสอำนวยให้

ข้อ ๓๔.  เหรัญญิก จะต้องทำบัญชีรายรับ รายจ่าย และบัญชีงบดุล ให้ถูกต้องตามหลักวิชาการการรับหรือจ่ายเงินทุกครั้ง จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อของนายกสมาคมหรือผู้ทำการแทนร่วมกับเหรัญญิกหรือผู้ทำการแทน พร้อมกับประทับตราของสมาคมทุกครั้ง

ข้อ ๓๕.  ผู้สอบบัญชี จะต้องมิใช่กรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของสมาคม และจะต้องเป็นผู้สอบบัญชีที่ได้รับอนุญาต

ข้อ ๓๖.  ผู้สอบบัญชีมีอำนาจหน้าที่จะเรียกเอกสารที่เกี่ยวกับการเงินและทรัพย์สินจากคณะกรรมการและสามารถจะเชิญกรรมการ หรือเจ้าหน้าที่ของสมาคมเพื่อสอบถาม เกี่ยวกับบัญชีและทรัพย์สินของสมาคมได้

ข้อ ๓๗.  คณะกรรมการจะต้องให้ความร่วมมือกับผู้สอบบัญชี เมื่อได้รับการร้องขอ


หมวดที่ ๖
การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับและการเลิกสมาคม

ข้อ ๓๘.  ข้อบังคับสมาคมจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้โดยมติของที่ประชุมของสมาคมเท่านั้น มติของที่ประชุมในการให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับ จะต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า ๒ ใน ๓ ของสมาชิกสามัญที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด

ข้อ ๓๙.  การเลิกสมาคมจะเลิกได้ก็โดยมติของที่ประชุมของสมาคม ยกเว้นเป็นการเลิกเพราะเหตุของกฎหมาย มติของที่ประชุมที่ให้เลิกสมาคมจะต้องมีคะแนนเสียงไม่น้องกว่า ๓ ใน ๔ ของสมาชิกสามัญที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด และองค์ประชุมจะต้องไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิกสามัญทั้งหมด

ข้อ ๔๐.  เมื่อสมาคมต้องเลิก ไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ก็ตาม ทรัพย์สินของสมาคมที่เหลืออยู่หลังจากที่ได้ชำระบัญชีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้ตกเป็นของ แพทย์สมาคมแห่งประเทศไทย เพื่อใช้ในกิจการของราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย ผู้รับต้องมีฐานะเป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์เพื่อการกุศลสาธารณประโยชน์)

 

หมวดที่ ๗
บทเฉพาะกาล

ข้อ ๔๑.  ข้อบังคับฉบับนี้นั้น ให้เริ่มใช้บังคับได้นับตั้งแต่วันที่สมาคมได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเป็นต้นไป

ข้อ ๔๒.  เมื่อสมาคมได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลจากทางราชการ ก็ให้ถือว่าผู้เริ่มการทั้งหมดเป็นสมาชิกสามัญ

                

   

(นายแพทย์วัชรพงศ์  พุทธิสวัสดิ์)
นายกสมาคมศัลยแพทย์ทั่วไปแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์